ศูนย์โรคเอดส์ประจำภูมิภาคชูโงะคุและชิโกะคุ
สำหรับบุคคลทั่วไปและผู้ป่วย

ระบบสวัสดิการสังคม

สิทธิประโยชน์สวัสดิการ

สิทธิประโยชน์สวัสดิการ คืออะไร

เป็นระบบการช่วยเหลือจากภาครัฐสำหรับครอบครัวที่ใช้ชีวิตได้ยากลำบากด้วยการเจ็บป่วย การบาดเจ็บ หรือการว่างงาน โดยยอดเงินช่วยเหลือจะกำหนดตามความจำเป็นของครัวเรือนนั้น เพื่อคงรักษาวิถีการใช้ชีวิตตามตามขนบธรรมเนียมอย่างมีสุขภาพที่ดีในขั้นพื้นฐานที่สุด และเพื่อเป็นกำลังให้แก่ครอบครัวนั้นๆ ในการยกระดับมาตรฐานการดำเนินชีวิตของตน กรณีที่ค่าครองชีพในครัวเรือนต่ำกว่าค่าครองชีพขั้นต่ำตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ ส่วนต่างนั้นจะได้รับการทดแทนด้วยสิทธิประโยชน์สวัสดิการ ยิ่งไปกว่านั้น ระบบนี้ยังเป็นประโยชน์เมื่อทรัพยากรทางการเงินหมดไป เช่น เงินออม หมดไม่เหลือ ส่งผลให้ดำเนินชีวิตได้ยากลำบาก แม้จะมีบำนาญและเบี้ยต่างๆ ช่วยอยู่ก็ตาม และสมาชิกในครอบครัวไม่สามารถให้การช่วยเหลือในส่วนนี้ได้

ค่าครองชีพขั้นต่ำอยู่ที่เท่าใด

ค่าครองชีพขั้นต่ำ คือ ยอดรวมของเงินช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตต่อเดือน (153,887 เยน) บวกกับเงินช่วยเหลือค่าที่พักอาศัย (ยอดจ่ายจริงสูงสุดต่อครัวเรือน: 49,000 เยน) (ข้อมูล ณ วันที่ 1 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 ในกรณีของเมืองฮิโรชิม่า เกรด 1 พื้นที่-2) ตัวเลขนี้อยู่บนพื้นฐานการคุ้มครองมาตรฐานในครัวเรือนเฉลี่ย (สามี ภรรยา และลูก 1 คนที่พักอาศัยเฉลี่ย)

ปัจจุบันมีการช่วยเหลือประเภทใดบ้าง

หลังการคำนวณค่าครองชีพขั้นต่ำสุดตามเงื่อนไขรายบุคคลแล้วนำมาเปรียบเทียบกับรายได้ครัวเรือน และมีส่วนของเงินช่วยเหลือที่จ่ายไปในรูปของการทดแทนส่วนต่างค่าครองชีพ ด้วยเหตุผลนี้ ยอดที่จ่ายจึงแตกต่างกันไปตามแต่ละครัวเรือน ทั้งนี้ แบ่งการช่วยเหลือออกไปเป็น 8 หมวดดังนี้

1. การช่วยเหลือด้านการดำเนินชีวิต เป็นการช่วยเหลือด้านความจำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวัน (เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ค่าพลังงาน เป็นต้น) ส่วนยอดที่จะจ่ายเพิ่มเติมนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและครัวเรือน
2. การช่วยเหลือด้านการศึกษา เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้สามารถเข้ารับการศึกษาภาคบังคับได้ (เช่น ตำราเรียน อุปกรณ์เครื่องใช้ไปโรงเรียน อาหารกลางวันที่โรงเรียน เป็นต้น)
3. การช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย เป็นการช่วยเหลือเพื่อการมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งและเพื่อการซ่อมแซมบ้านเรือน (เช่น ค่าเช่า ค่าซ่อมแซม เป็นต้น)
4. การช่วยเหลือทางการแพทย์ การช่วยเหลือด้านความจำเป็นทางการแพทย์กรณีบาดเจ็บและเจ็บป่วย (ค่าให้คำปรึกษา ค่ายา เป็นต้น)
5. การช่วยเหลือบริบาล เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้การบริบาลดูแลในส่วนที่จำเป็น (เช่น ค่าดูแลตามบ้าน ค่าผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือ ค่าปรับปรุงบ้าน เป็นต้น)
6. การช่วยเหลือด้านการคลอดบุตร เป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร (เช่น ค่าคลอด ค่าผ้าพันแผล ค่ารายการอนามัยที่จำเป็น เป็นต้น)
7. การช่วยเหลือด้านอาชีพ เป็นการช่วยเหลือด้านอาชีพหรือการจ้างงาน (เช่น ค่าการศึกษาระดับมัธยมปลาย เงินทุน ค่าอุปกรณ์ที่ต้องจัดซื้อ และค่าทรัพยากรอื่น ค่าเพิ่มเติมทักษะ เป็นต้น)
8. การช่วยเหลือพิธีฌาปนกิจศพ เป็นการช่วยเหลือในการจัดพิธีฌาปนกิจศพ (เช่น ค่าปลงศพ ค่าชันสูตรศพ ค่าเคลื่อนย้ายร่างผู้วายชนม์ เป็นต้น)

จะมีการคัดเลือก จัดสรรต่างๆ ที่จำเป็นตามแต่ละสถานการณ์ไป ขึ้นกับประเภทการดูแล การจัดสรรเหล่านี้อาจไม่อยู่ในรูปของการจ่ายเป็นเงินสดเพื่อช่วยเหลือเท่านั้น แต่ยังอาจอยู่ในรูปแบบอื่นด้วย นอกจากนี้ ยังอาจมีการพิจารณาให้มีการจัดสรรการดูแลตามบ้านหรือที่หน่วยงาน/สถาบัน ตามแต่สถานการณ์ในเวลานั้น

มีระเบียบขั้นตอนที่จำเป็นใดหรือไม่

อันดับแรก จะมีการให้คำปรึกษาด้านสวัสดิการ ณ หน่วยงานภาครัฐท้องถิ่นหรือสำนักงานสวัสดิการก่อน ตามด้วยการสัมภาษณ์โดยผู้ให้คำปรึกษารายกรณี เพื่อยืนยันรายได้และทรัพย์สินปัจจุบัน ตลอดจน คุณสมบัติที่จะมีสิทธิในการได้รับหรือใช้สิทธิประโยชน์อื่น ระบบจะอธิบายให้ท่านทราบ และมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตด้วย กรณีที่มีข้อสรุปว่า สวัสดิการเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่สำหรับบุคคลนั้น คำขอรับการช่วยเหลือนี้จะได้รับการอนุมัติให้ผ่าน

หลังเสร็จสิ้นการยื่นเรื่องขอแล้ว ผู้ให้คำปรึกษารายกรณีจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนถึงบ้าน เพื่อยืนยันระดับการดำเนินชีวิต และเพื่อพิจารณากำหนดว่า จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ กรณีที่การบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยเป็นเหตุผลหลัก จำเป็นต้องมีการสำรวจอาการและความเห็นที่เกี่ยวกับความจำเป็นในการได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์ปฐมภูมิก่อนแล้วจึงยื่นคำขอไป กรณีที่มีการตัดสินชี้ขาดเรื่องการให้การช่วยเหลือนี้ จะมีการแจ้งผลการตัดสินไปทางจดหมาย แต่หากการช่วยเหลือนี้ถูกปฏิเสธ จะแจ้งเรื่องการปฏิเสธนั้นไปทางจดหมายเช่นกัน ผู้ยื่นขอจะได้รับการแจ้งนี้ทางจดหมายภายใน 14 วัน (เฉพาะกรณีพิเศษเท่านั้น ที่อาจใช้เวลา 30 วัน)

การเคลื่อนไหวเพื่อร้องเรียน หมายถึง อะไร

ภายหลังการพิจารณาตัดสินเรื่องการยื่นขอการช่วยเหลือ หากมีเหตุผลให้คัดค้านรายละเอียดการพิจารณาตัดสินนั้น สำนักงานสวัสดิการพร้อมที่จะรับฟังเหตุดังกล่าว ภายหลังการหารือกับสำนักงานสวัสดิการ หากยังคงมีเหตุผลให้คัดค้าน สามารถร้องเรื่องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ภายใน 60 วันหลังรับแจ้งเรื่อง (การเคลื่อนไหวเพื่อร้องเรียน)

ระบบสวัสดิการสังคม

PageUP