โปรแกรมการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในโรคเรื้อรังจำเพาะในเด็ก คือ โปรแกรมที่รัฐบาลแห่งชาติดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับการรักษาในเด็กที่มีอายุ 20 ปีหรือน้อยกว่า และเป็นผู้ที่จำเป็นต้องรับการรักษาโรคระยะยาวจำเพาะ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่เกิดขึ้น โปรแกรมนี้ได้ถูกโอนย้ายมาอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติสวัสดิการเด็ก และมีการแก้ไขในบางเนื้อหา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนเมษายน พ.ศ. 2548
1. โรคเป้าหมาย (ณ วันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564)
มีโรคเป้าหมายจำนวน 788 โรคใน 16 กลุ่ม เด็กที่มีผลบวก HIV ที่กำลังรับการรักษาโรคตามรายการสามารถยื่นขอเข้าร่วมโปรแกรมนี้ได้
2. อายุที่มีสิทธิ์
สำหรับทุกโรค ผู้ขึ้นทะเบียนใหม่ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ปัจจุบันสามารถคงความต่อเนื่องในการเป็นที่ศึกษาโรคจนกว่าจะอายุ 20 ปี และเพื่อคงความต่อเนื่องนี้ จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้แล้วเสร็จในขณะที่ผู้ป่วยมีอายุ 18 ปี (นับจากวันคล้ายวันเกิดปีที่ 18 ถึงวันก่อนวันคล้ายวันเกิดปีที่ 19) เฉพาะผู้ที่ได้รับการพิจารณาว่าจำเป็นต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องเท่านั้นจะเป็นผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมนี้
3. ขอบเขตการดูแลทางการแพทย์
ก่อนหน้านี้ สิทธิประโยชน์นี้มิได้ให้ไว้แก่ผู้ป่วยนอกทุกราย ขึ้นกับโรคที่ผู้ป่วยนอกรายนั้นเป็น แต่นับตั้งแต่วันที่ 1 เดือนเมษายน พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา ปัจจุบันผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในทุกโรคมีสิทธิ์รับสิทธิประโยชน์นี้ ผู้ป่วยที่มีสิทธิ์จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นค่าแพทย์เพื่อการรักษา ค่าอาหารพิเศษระหว่างการพักรักษาที่โรงพยาบาล ค่ายาตามใบสั่งแพทย์ที่อยู่ในประกัน และค่าพยาบาลเยี่ยมไข้ ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์นี้จะไม่ครอบคลุมค่าอุปกรณ์หรือค่าเครื่องมือช่วยเหลือต่างๆ
4. การชำระร่วม
ยอดการชำระร่วมของบุคคลจะกำหนดจากยอดภาษีเทศบาลและภาษีเงินได้ที่จ่ายในปีก่อนหน้า โดยผู้หารายได้หลักของครัวเรือน (กรุณาอ้างอิงตารางด้านล่าง)
*อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ยื่นเรื่องดังต่อไปนี้จะได้รับการยกเว้นจากการจ่ายค่าใช้จ่ายทางการแพทย์
ก) บุคคลที่เป็นโรคฮีโมฟีเลีย (รวมถึง ผู้ป่วยที่มีสิทธิในโครงการวิจัยเพื่อการรักษาทางการแพทย์ต่อความผิดปกติในปัจจัยการแข็งตัวของเลือดที่มีมาแต่กำเนิด)
ข) บุคคลที่มีสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยโรคจำเพาะร้ายแรง
[ตาราง] การชำระร่วมขั้นสูงสุดสำหรับโปรแกรมการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในโรคเรื้อรังจำเพาะในเด็ก (จ่ายเป็นเงินเยนญี่ปุ่น)
การแบ่งระดับ |
แนวทางสำหรับรายได้ต่อปี
(ครัวเรือนที่ประกอบด้วยคู่สมรสและลูก 1 คน) |
วงเงินสูงสุด
(อัตราการชำระร่วมของผู้ป่วย: ร้อยละ 20 ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน) |
ทั่วไป |
ร้ายแรง* |
บุคคลที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ เช่น ในรูปของเครื่องช่วยหายใจ |
Ⅰ |
ครัวเรือนตามสวัสดิการ |
0 |
Ⅱ |
การยกเว้นภาษีของผู้อาศัยในเขตเทศบาล |
รายได้ต่ำ I (น้อยกว่าประมาณ 800,000 เยน) |
1,250 |
500 |
Ⅲ |
รายได้ต่ำ lI (น้อยกว่าประมาณ 2,000,000 เยน) |
2,500 |
Ⅳ |
รายได้ทั่วไป I
(ภาษีของผู้อาศัยในเขตเทศบาลที่ต่ำกว่า 71,000 เยน หรือรายได้ต่อปีที่ประมาณ 4,300,000 เยน) |
5,000 |
2,500 |
Ⅴ |
รายได้ทั่วไป Ⅱ
(ภาษีของผู้อาศัยในเขตเทศบาลที่ต่ำกว่า 251,000 เยน หรือรายได้ต่อปีที่น้อยกว่าประมาณ 8,500,000 เยน) |
10,000 |
5,000 |
Ⅵ |
รายได้สูง
(ภาษีของผู้อาศัยในเขตเทศบาลที่สูงกว่า 251,000 เยน หรือรายได้ต่อปีมากกว่าประมาณ 8,500,000 เยน) |
15,000 |
10,000 |
มื้ออาหารระหว่างการพักรักษาที่โรงพยาบาล |
ร้อยละ 50 ของค่าใช้จ่าย |
*ร้ายแรง: หากเข้าข่ายอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไปนี้ ให้ถือว่าอยู่ในขั้น "ร้ายแรง"
(1) บุคคลที่ต้องชำระค่ารักษาสูงเป็นระยะเวลานาน อีกทั้ง มีค่าใช้จ่ายทางการแพทย์รวมต่อเดือนเกินกว่า 50,000 เยน (กรณีที่ผู้ป่วยรับผิดชอบเองร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ ยอดที่จะได้รับการช่วยเหลือจะอยู่ที่ 10,000 เยนต่อเดือน) เป็นจำนวนมากกว่า 6 ครั้งต่อปี
(2) บุคคลที่เข้าหลักเกณฑ์การเป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรง
5. ข้อแนะนำในการได้รับบัตรรับรองผู้พิการทางร่างกาย
บุคคลที่มีอายุเกินกว่าอายุที่กำหนดไว้ในโปรแกรมการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในโรคเรื้อรังจำเพาะในเด็กจะไม่สามารถใช้โปรแกรมนี้ได้อีกต่อไป และหลายคนเลือกยื่นขอเข้าโครงการช่วยเหลือ “การชำระค่าบริการทางการแพทย์และการช่วยเหลือบุคคลที่มีความพิการ” ซึ่งจำเป็นต้องใช้บัตรรับรองผู้พิการทางร่างกายร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม บุคคลที่เพิ่งเริ่มรับยาต้าน HIV ตั้งแต่เด็ก บางครั้งจะไม่สามารถได้รับบัตรนี้ เนื่องจากไม่เป็นไปตามมาตรฐานการรับรอง ด้วยเหตุนี้ เราขอแนะนำผู้ป่วยให้ได้รับบัตรรับรองผู้พิการทางร่างกาย ก่อนเริ่มเข้ารับยาต้าน HIV